คาดว่าสองฝ่ายได้เจรจาตกลงความร่วมมือทางการทหารไม่ว่าจะเป็นการที่รัสเซียจะถ่ายทอดเทคโนโลยีดาวเทียมให้เกาหลีเหนือ แลกกับการที่เกาหลีเหนือจะขายอาวุธให้กับรัสเซียเพื่อใช้ทำสงครามในยูเครน
นั่นไม่ได้สะท้อนเพียงแค่ภาพของระเบียบโลกที่แยกขั้วมากยิ่งขึ้น แต่ยังหมายความว่าสงครามยูเครนอาจยังไม่จบลงง่ายๆ และอาจเปลี่ยนทิศ ซึ่งสร้างความกังวลให้แก่โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ไม่น้อย การเยือนเกาหลีเหนือของรมว.รัสเซียครั้งนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางข่าวลือจากสหรัฐฯว่า เกาหลีเหนือได้เริ่มส่งอาวุธให้แก่รัสเซียแล้ว
“ปูติน” ไม่พอใจข้อเสนอสันติภาพของแอฟริกา
คณะผู้แทนรัสเซีย-จีน เยือนเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์
วันนี้ (19 ต.ค.) เป็นวันที่สองแล้วที่ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียอยู่ในระหว่างการเยือนกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อพบ โช ซอน ฮุย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ
เป้าหมายในการเดินทางเยือนครั้งนี้ สำนักข่าว TASS ของรัสเซียระบุว่า เป็นไปเพื่อหารือเตรียมการเยือนของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากได้ตอบรับคำเชิญของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ
หลายฝ่ายมองว่า การพบกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่ายจะเป็นการยกระดับความร่วมมือทางการเมืองและการทหารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก ท่ามกลางภาวะที่รัสเซียถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองและถูกคว่ำบาตรจากโลกตะวันตก หลังรัสเซียทำสงครามรุกรานยูเครนเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว
เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้เผยแพร่คำแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียในระหว่างการเยือนเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง ที่เกาหลีเหนือสนับสนุนรัสเซียอย่างแน่วแน่ในการทำปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร หรือการทำสงครามในยูเครน
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียยังระบุว่าการเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสในการร่างขั้นตอนการนำข้อตกลงที่ประธานาธิบดีปูตินและผู้นำคิมตกลงกันไว้มาดำเนินการ
ล่าสุดวันนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียยังได้เข้าพบผู้นำคิมอีกด้วย ทั้งสองฝ่ายใช้เวลาพูดคุยกว่า 1 ชั่วโมง โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการพูดคุยออกมา
เกาหลีเหนือได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในสงครามยูเครนอย่างเต็มตัว หลังคิม จองอึน เดินทางไปพบประธานาธิบดีปูตินทางตะวันออกไกลของรัสเซีย และประกาศสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามในยูเครนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาแม้ว่าในครั้งนั้นจะไม่มีการระบุออกมาอย่างเป็นทางการว่าอะไรคือข้อตกลงระหว่างผู้นำรัสเซียและผู้นำเกาเหลีเหนือ
แต่การพบกันอย่างชื่นมื่นในครั้งนั้น เป็นไปท่ามกลางกระแสข่าวว่ารัสเซียต้องการเจรจาทำข้อตกลงซื้ออาวุธจากเกาหลีเหนือเพื่อไปใช้ทำสงครามในยูเครน
เนื่องจากที่ผ่านมา มีการเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่องว่ารัสเซียเริ่มประสบปัญหาในการผลิตอาวุธ เพราะมาตรการคว่ำบาตรของโลกตะวันตกส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถสั่งอะไหล่และชิ้นส่วนจำนวนมากมาผลิตอาวุธเองเกาหลีเหนือจึงเป็นเพียงไม่กี่ชาติที่สามารถเป็นพันธมิตรสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่รัสเซียได้ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เคยออกมาเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้จัดหากระสุน กระสุนปืนใหญ่ และขีปนาวุธให้แก่รัสเซียไปเมื่อปีที่แล้ว
และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยอีกครั้งว่า เกาหลีเหนือได้เริ่มดำเนินการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่รัสเซียแล้วโดยสหรัฐฯ ระบุว่าเกาหลีเหนือได้ส่งอาวุธไปให้รัสเซียเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นการเติมคลังอาวุธให้แก่รัสเซียที่ร่อยหรอลงจากการทำสงครามในยูเครน
หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือส่งอาวุธและกระสุนให้แก่รัสเซียทางเรือ โดยอาวุธจากเกาหลีเหนือจะถูกส่งไปยังคลังอาวุธของรัสเซียที่อยู่ไม่ห่างจากพรมแดนยูเครนมากนัก
ขณะเดียวกัน ก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียจะเข้าพบผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ฝ่ายรัสเซียก็ได้ยกระดับปฏิบัติการบุกโจมตียูเครนทางภาคตะวันออก
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายสื่อรายงานตรงกันว่าเกิดการต่อสู้อย่างหนักที่เมืองอัฟดีฟกา ในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครนครั้งนี้เป็นการเปิดฉากปฏิบัติการบุกของรัสเซีย สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW ระบุจุดประสงค์หลักของการบุกทางตะวันออกว่า เป็นไปเพื่อยึดครองแคว้นโดเนตสก์ทั้งแคว้น โดยอัฟดีฟกาเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จะช่วยให้รัสเซียรุกคืบต่อได้นี่ถือเป็นปฏิบัติการบุกยูเครนครั้งที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในปีนี้
อย่างไรก็ดี แม้จะมีรายงานว่ากองทัพรัสเซียโจมตีพื้นที่บริเวณดังกล่าวอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะด้วยปืนใหญ่หรือขีปนาวุธ และพยายามส่งกองพันรถหุ้มเกราะหลายกองพันเข้าปิดล้อมแต่หน่วยงานด้านข่าวกรองทางทหารของสหราชอาณาจักรระบุว่า ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการรุกคืบของรัสเซียได้ผลหรือไม่ เพราะขณะนี้กองทัพยูเครนยังคงรักษาฐานที่มั่นในอัฟดีฟกาไว้ได้อยู่ โดยคาดว่ากองทัพรัสเซียสูญเสียกำลังไปมากพอสมควร
ส่วนที่แนวรบหลักของปฏิบัติการโต้กลับทางภาคใต้ที่แคว้นซาโปริซเซีย เพื่อมุ่งหน้าไปตัดเส้นทางขนส่งอาวุธของรัสเซียนั้น ความคืบหน้าล่าสุดยังคงอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านโรโบตือนีและหมู่บ้านเวียโบเวีย โดยเป็นไปอย่างเรื่อยๆ และคืบหน้าไม่รวดเร็วนัก
ท่ามกลางปฏิบัติการโต้กลับที่ดำเนินไปอย่างยากลำบากแข่งกับเวลา ล่าสุดฝ่ายยูเครนมีสัญญาณบวกว่า อาจกำลังพลิกสถานการณ์ได้นั่นคือการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ร้องขอจากสหรัฐฯ มาอย่างยาวนานโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซีย
ระหว่างการแถลงประจำวันของวันอังคารที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ออกมายืนยันว่ายูเครนได้รับระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบก หรือ ATACMS (แอทแทค-เอ็มส์) จากสหรัฐฯ และได้นำไปใช้ในปฏิบัติการรบแล้วพร้อมระบุว่า เป็นขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูงมาก
นี่เป็นการยืนยันจากประธานาธิบดีเซเลนสกี หลังจากที่สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดนี้โจมตีไปยังเป้าหมายทางการทหารในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียเป็นครั้งแรกสาเหตุที่ระบุว่าเป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับจากสหรัฐฯ เนื่องจากพบลูกระเบิดขนาดเล็ก หรือ submunition ชนิดที่ใช้บรรจุในขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดนี้ในบริเวณที่เป็นเป้าการโจมตีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่เปิดเผยชื่อก็ได้ออกมายืนยันสอดคล้องกับประธานาธิบดียูเครนผ่าน CNN และเดอะนิวยอร์กไทมส์ว่า สหรัฐฯ ได้ดำเนินการส่งขีปนาวุธชนิดนี้ให้แก่ยูเครนแล้วจริง
การโจมตีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสร้างความเสียหายให้แก่ฐานทัพอากาศของรัสเซีย 2 แห่ง ได้แก่ที่เบอร์เดียนสก์ เมืองท่าริมทะเลอาซอฟในแคว้นซาโปริซเซีย และที่แคว้นลูฮันสก์ทางภาคตะวันออกของยูเคร โดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครนเผยว่า สามารถสร้างความสร้างความเสียหายแก่รันเวย์ รวมถึงยังทำลายเฮลิคอปเตอร์ 9 ลำ ทำลายคลังกระสุน เครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน และอุปกรณ์ทางทหารได้สำเร็จ
ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบกหรือแอคแท็คเอ็มส์ (ATACMS) เป็นขีปนาวุธพิสัยไกล มีพิสัยทำการได้ไกลมากที่สุดถึง 300 กิโลเมตรแต่ชนิดที่สหรัฐฯ ส่งให้แก่ยูเครนเป็นแอคแท็คเอ็มส์ รุ่นเก่าซึ่งมีระยะทำการอยู่ที่ราวๆ 150-165 กิโลเมตร ส่วนจำนวนที่ส่งให้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่าอาจอยู่ที่ราวๆ 20 ลูกส่วนในการโจมตี จะสามารถยิงได้ครั้งละ 1 ลูก เมื่อใช้ระบบไฮมาร์ส (HIMARS) เป็นเครื่องยิง
นี่เป็นอาวุธที่ยูเครนร้องขอจากสหรัฐฯ มานาน เนื่องจากขีปนาวุธชนิดนี้จะช่วยโจมตีเพื่อเปิดทางให้กองทัพยูเครนเข้าถึงพื้นที่ยึดครองของรัสเซียได้มากขึ้น และช่วยให้โจมตีเป้าหมายระยะไกลได้ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องอาศัยการเคลื่อนพลภาคพื้นดินแทน
แต่ระยะการยิงที่ไกลของขีปนาวุธชนิดนี้ คือสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ ลังเลและปฏิเสธจะส่งให้แก่ยูเครนตลอดช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเกรงว่ายูเครนจะใช้อาวุธพิสัยไกลชนิดนี้ในการโจมตีเข้าไปในเผ่นดินรัสเซีย
แต่หลังจากความกังวลบรรเทาลง เพราะยูเครนแสดงให้เห็นว่ายังไม่เคยใช้อาวุธที่ได้จากชาติตะวันตกโจมตีไปยังรัสเซีย อีกทั้งยังเห็นว่า ปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนทางแคว้นซาโปริซเซียและแคว้นโดเนตสก์ประสบความชะงักงัน
รัฐบาลสหรัฐฯ จึงเปลี่ยนท่าทีและตัดสินใจส่งขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดนี้ให้แก่ยูเครนอย่างลับๆ โดยคาดว่าประธานาธิบดีไบเดนอนุมัติความช่วยเหลือครั้งนี้เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาระหว่างที่ประธานาธิบดียูเครนเดินทางเยือนสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี แม้จะเชื่อกันว่าขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดนี้จะช่วยให้ปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนรุกคืบได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะสร้างความได้เปรียบให้แก่ฝ่ายยูเครนได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่เปิดเผยตัวตนรายหนึ่งเผยต่อหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ว่าขีปนาวุธพิสัยไกลที่สหรัฐฯ เพิ่งส่งให้แก่ยูเครนมีระยะการโจมตีและศักยภาพเพียงพอที่จะโจมตีไปถึงฐานที่รัสเซียใช้เก็บกำลังบำรุงแทบทั้งหมดได้ในพื้นที่ยึดครองภายใต้เงื่อนไขหนึ่งที่ยูเครนต้องยอมรับเป็นการแลกเปลี่ยนคือ ยูเครนต้องไม่ใช้ขีปนาวุธชนิดนี้โจมตีเข้าไปในแผ่นดินรัสเซียคำพูดจาก เว็บสล็อตแท้
ราชกิจจาฯเผยแพร่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 11 แกนนำพันธมิตรฯ
กางปฏิทินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้างลูกจ้างประจำ บำนาญ ปี 2566
ประกาศเตือนฉบับที่ 4 พายุดีเปรสชันทวีกำลังแรงขึ้น!